ค่าเฉลี่ยในการเคี้ยวอาหารของคนทั่วไป มีประมาณ 15 ครั้งต่อคำเท่านั้น เป็นเรื่องน่าตกใจไม่น้อยเพราะว่า การเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด โดยเฉพาะอาหารย่อยยาก ทำให้มีอาการแน่นท้อง เป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้นเมื่อเราเคี้ยวนานขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คุณคิด
ในภาวะปัจจุบันที่ต้องมีการแข่งขันกับเวลาอยู่เสมอ ทำให้ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ จนส่งผลเสียมากมายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการรีบรับประทานอาหาร ทำให้การเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดเพียงพอ กระเพาะอาหารจึงทำงานหนักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่ย่อยได้ยาก เช่น อาหารประเภทเนื้อสัตว์
ซึ่งกระบวนการย่อยในส่วนของกระเพราะอาหารต้องหลั่งกรดมาใช้มากขึ้นและต้องบีบตัวเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง ในกระเพาะอาหาร ส่วนการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดนั้นจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นด่านแรกของระบบการย่อยอาหาร หากเคี้ยวนาน เคี้ยวละเอียด กระเพาะจะทำงานน้อยลง ช่วยให้กระเพาะและลำไส้ดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานเป็นปกติ
จึงทำให้เรามีสุขภาพที่ดีตามมา นอกจากนี้ยังมีผลต่อการทำงานของสมอง เพราะช่วยกระตุ้น ต่อมน้ำลาย และต่อมใต้หูของคนเรา ให้หลั่งฮอร์โมนต่าง ๆ ออกมา เมื่อเคี้ยวนานร่างกายจะหลั่งน้ำลายออกมามาก เอนไซน์จากน้ำลายจะช่วยกำจัดพิษและต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยกระตุ้นให้เกิดสมาธิและการคิด ผลที่ตามมาก็คือ การมีสุภาพที่ดี ชะลอความเสื่อมของเซลล์ร่างกาย ดูอ่อนเยาว์ และมีอายุที่ยืนยาวขึ้นด้วย
– ประโยชน์ของการ เคี้ยวนาน
1. ร่างกายดูดซึมอาหารได้ดี การเคี้ยวนาน ๆ จะช่วยบดอาหารชิ้นใหญ่ให้กลายเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทำให้ลำได้ดูดซึมสารอาหารได้ง่าย และเร็วขึ้น เนื่องจากใช้เวลาในการย่อยน้อยลงนั่นเอง
2. ตัวช่วยในการคุมน้ำหนัก การเคี้ยวอาหารส่งผลต่อการเกิดโรคอ้วนได้ เพราะการติดนิสัยเคี้ยวเร็ว กลืนเร็ว ทานเสร็จเร็ว เสี่ยงต่อการทานอาหารปริมาณมากกว่าปกติ เมื่อเคี้ยวให้ละเอียดจะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
3. ช่วยในระบบย่อยอาหาร อาหารที่ถูกบดจนละเอียดร่างกายก็จะสามารถย่อยได้ง่าย ทำให้กระเพาะและร่างกายไม่ทำงานหนักจนเกินไป ส่งผลให้สุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์
4. ลดความเสี่ยงท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูก อาหารที่บดไม่ละเอียด ทำให้รู้สึกอืดท้อง เพราะการเคี้ยวแบบหยาบ ๆ ทำให้ไม่สามารถย่อยได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อย่อยได้ไม่หมดจะทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และทำให้ท้องผูกได้
5. ฟันแข็งแรง เมื่อเคี้ยวอาหารในปากยิ่งมีจำนวนมากครั้งก็จะยิ่งทำให้ร่างกายหลั่งน้ำลายมากขึ้น จะช่วยทำความสะอาดฟัน ลดการสะสมของหินปูน ลดการฟันผุ อีกทั้งเป็นการบริหารเหลือกและฟันให้มีความแข็งแรง
การเคี้ยวของคนแต่ละช่วงวัยมีความแตกต่างกัน ในวัยเด็กควรหัดให้ฝึกเคี้ยวหลาย ๆ ครั้งก่อนกลืน จนเป็นนิสัย ในวัยรุ่น ควรแนะนำให้เคี้ยวอย่างละเอียด จะทำให้ฟันสวยและช่วยลดน้ำหนัก ในส่วนของวัยชรา ผู้ปรุงอาหารต้องจัดอาหารที่เหมาะสม เช่นอาหารอ่อนเคี้ยวง่าย เป็นต้น
– เคี้ยวนานกี่ครั้งต่อคำถึงจะได้ประโยชน์
1. ประมาณ 30 ครั้งต่อคำขึ้นไป เป็นอย่างน้อยจะช่วยให้เหงือกและฟันแข็งแรง ช่วยลดความเครียด หงุดหงิดได้
2. ประมาณ 50 ครั้งต่อคำขึ้นไป ช่วยลดความวิตกกังวล และช่วยลดความอ้วนได้
3. ประมาณ 60 ครั้งต่อคำขึ้นไป สำหรับอาหารที่มีกากใยสูง ช่วยลดอาการท้องผูก กระตุ้นการทำงานของสมอง
4. ประมาณ 80 ครั้งขึ้นไป กระตุ้นประสารทสัมผัส มีความจำดีขึ้น สามารถจำแนกรสชาติอาหารได้อย่างรวดเร็ว
5. ประมาณ 100 ครั้งขึ้นไป จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ในขณะที่เคี้ยวนานขึ้นจะทำให้มีสมาธิ เกิดความสงบ ทานน้อยลง แต่ร่างกายสามารถดูดซึมอาหารได้เป็นอย่างดี ช่วยลดความต้องการทานเนื้อสัตว์ได้อีกด้วย
6. เคี้ยวนานตั้งแต่ 200 ครั้งขึ้นไป จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระเพาะเรื้อรัง และช่วยกระตุ้นสมองให้มีกระบวนการคิดและวินิจฉัยปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
การสร้างเสริมสุขภาพด้านต่าง ๆ เราควรทำให้เป็นนิสัยตั้งแต่ตอนนี้ เพราะการมีสุขภาพที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเริ่มที่ตัวเราเอง หากใส่ใจจากจุดเล็ก ๆ อย่างการรับประทานอาหารเพียงขยับกรามให้บ่อยขึ้น เคี้ยวนานขึ้น เพียงเท่านี้สุขภาพที่ดีก็จะตามมา แต่ก็ควรทำควบคู่ไปกับกิจกรรมด้านสุขภาพอย่างอื่นด้วย เพื่อความสมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
เครดิตภาพ : goodhealthgoodlife.blogspot.com / sanook.com / greatstarsdigital.com
#สุขภาพ #กีฬา #ลดน้ำหนัก #หุ่นดี #วิ่งเพื่อสุขภาพ #เทคนิคลดความอ้วน #ขยับกรามเพื่อสุขภาพ
