ระบบย่อยอาหารสำคัญกับการออกกำลังกาย

ระบบย่อยอาหารสำคัญกับการออกกำลังกาย

ถ้าจะให้เลือกว่า เราควรจะเริ่มตรงไหนในการออกกำลังกาย หรือดูแลสุขภาพคือการแก้ระบบการย่อยเป็นอันดับแรก ระบบการย่อยที่ดีมีความหมายมากไปกว่าท้องไม่อืด ไม่มีแก๊ส ถ่ายดี

แต่หมายถึงว่าลำไส้เราสามารถดึงเอาสารอาหารจากอาหารที่เรากินเข้าไปได้อย่างเต็มที่ ท้องไม่เต็มไปด้วยขยะบูดเน่า เพิ่มเชื้อโรคสารพิษเข้าไปอีก แทนที่จะได้ประโยชน์

ถ้าระบบย่อยไม่ดี อย่าว่าแต่สารอาหารไม่ได้นำไปใช้เลยครับ พวกอาหารเสริมก็ไม่ได้ถูกเอาไปใช้ ชอบประโยคนี้มาก และเขียนอยู่บ่อยๆ You are not what you eat, you are what you absorb… เป็นจริงเสมอ

และยิ่งระบบย่อยไม่ดี เชื่อหรือไม่ว่า ความอยากอาหารก็จะแย่ไปด้วย เลยไม่ต้องผุดต้องเกิดกัน เสียเงินด้วยค่าอาหาร ค่าอาหารเสริม วิตามิน เหมือนเอาเงินไปใส่ถังขยะเปล่าๆ

แล้วจะทำอย่างไรดี

เริ่มแรกเลยคือ พยายามเพิ่มหรือกระตุ้นให้ HCl ในกระเพาะถูกผลิตมากขึ้น นี่คือด่านแรก โดมิโนตัวแรกเลย เราจะเรียกขั้นแรกของการย่อยนี้ว่าเป็นเพราะอะไร

เพราะว่ากระเพาะอาหารจะหลั่งน้ำย่อยออกมาอยู่ภายใต้การควบคุมของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 (Vagu Nerve) และฮอร์โมน Gastrin จากกระเพาะอาหารเองมากระตุ้นเอนไซม์จากผนังของกระเพาะอาหารบางชนิด เมื่อสร้างออกมาใหม่ๆ ยังทำหน้าที่ไม่ได้จะต้องถูกกระตุ้นโดยกรดเกลือ (HCl) ในกระเพาะอาหารก่อนจึงจะทำให้ย่อยเปลี่ยนสภาพให้พร้อมที่จะย่อยอาหารได้

Cephalic phase ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เราจัดการได้ง่ายที่สุด เพราะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของเราเลย ขั้นตอนนี้คือขั้นตอนที่เกี่ยวเนื่องกับการได้กลิ่น การจับต้อง มองเห็น และการรับรส

เราใช้ระบบประสาท parasympathetic และ vagal nerve คือตัวแม่ในการกำหนด นั่นคือการหายใจอย่างผ่อนคลายซึ่งเหมือนง่าย แต่ยากในสังคมที่เคลื่อนไหวประหนึ่งรถไฟเหาะอยู่ทุกวันนี้

แต่ๆๆๆๆขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกที่จะมีผลต่อการผลิต gastric acid production30-50% ที่คนโบราณเค้าค่อยๆกิน ค่อยๆอยู่น่ะ ประโยชน์มันมี ไม่ใช่เร็วฉับไว อัดข้าวเพส 1 แล้วจะเจ๋งเสมอไป

ระยะนี้เริ่มจากประสาทที่รับรู้อาหาร ไม่ว่าจะเป็น การคิดถึงอาหาร การได้กลิ่น การได้สัมผัสหรือการมองเห็น สมองของเราจะโดนกระตุ้นให้ส่งสัญญาณสื่อประสาทมายังทางเดินอาหาร ผ่านเส้นประสาทเพื่อให้ทางเดินอาหารเตรียมตัวรับการย่อย ผ่านเส้นประสาทเวกัส (Vagus nerve)

เพื่อเป็นการเตรียมการย่อย ดังนั้นเราใช้เวลาในการเตรียมอาหาร รับรู้ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อย่าขำนะครับ แต่การเสพเหล่านี้เป็นขั้นตอนแรกที่ดีที่ควรเริ่มต้น มองอาหารให้เป็นอาหาร ไม่ใช่ตักอาหารแต่ตามองจอทีวี

แล้วก็เคี้ยวครับ เราไม่ใช่อานาคอนด้า หรือเขมือบแบบงูเหลือม เราเคี้ยวได้ การเคี้ยวเป็นการกระตุ้น vagal nerve ทางหนึ่ง และเป็นทางที่สำคัญที่จะให้อาหารที่กินเข้าไปนั้นได้โดนเอ็นไซม์ เข้าถึง HCl ได้

เราอาจจะเริ่มต้นด้วยการนับจำนวนครั้งที่เราเคี้ยวแล้วก็เพิ่มจำนวนขึ้นทุกครั้งในมื้อต่อไป คำต่อไปก็ได้ (หมอฟันมาอ่านก็จะบอกให้เปลี่ยนข้างเคี้ยวด้วยเพื่อความสมดุล)

จุลินทรีย์ในสำไส้จะเปลี่ยนไปตามอาหารที่เรากินเข้าไป จุลินทรีย์ที่เรามีในแต่ละคนก็จะต่างกันตามสภาพและอาหารที่กินเข้าไป แล้วแต่ละตัวก็จะแตกต่างกัน ตอบสนองไม่เหมือนกับต่ออาหารที่กินเข้าไป จุลินทรีย์ก็คือแบคทีเรียที่ดี

ดังนั้นเราจึงต้องพยายามกินอาหารที่มีแบคทีเรียที่ดีให้มีมากกว่าแบคทีเรียที่ไม่ดีที่อยู่ในลำไส้ ไม่ใช่แค่ดี ไม่ดีนะครับชนิดของจุลินทรีย์ในร่างกายส่งผลต่ออาหารที่พวกมันอยากกินไปจนถึงคู่ที่อยากผสมพันธุ์ด้วย

จุลินทรีย์ที่ชอบกินผัก ก็จะมีผลให้เราอยากกินผัก ตัวที่ชอบกินไขมัน ก็จะมีผลทำให้เราชอบกินไขมัน พวกที่ชอบกินน้ำตาล ก็จะส่งผลให้เราอยากกินน้ำตาล

ดังนั้นที่บอกว่าจะลดความอ้วนให้เริ่มที่โภชนาการนั้น ควรจะไปโฟกัสที่การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อให้เรามีจุลินทรีย์ที่ชอบกินอาหารที่ดีมากขึ้น

ลำไส้และ สมองของเราเริ่มต้นด้วยการเป็นอวัยวะหนึ่งเดียวในท้องแม่ แล้วจึงพัฒนาการแตกตัวออกมาเป็นระบบประสาทส่วนกลางซึ่งก็คือสมองและ ระบบประสาทลำไส้ (enteric nervous system–ENS) ซึ่งเป็นระบบย่อยในระบบประสาทส่วนกลาง (central nervous system–CNS) ที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้เพียงอย่างเดียว

สมองในลำไส้ของเราจึงมีความเกี่ยวโยงกันอยู่ตลอดชีวิตของเรานั่นแหละครับโดยเชื่อมด้วย vagus nerve ซึ่งสะพานตัวนี้นี่เองที่จะเป็นตัวหลักในการเดินทางของสัญญาณที่ส่งจากจุลินทรีย์ในท้องไปที่สมองของเราครับผม

สาระก็มีน่าตาดีก็มีด้วย (โค้ชมาร์ค)

slotฝากขั้นต่ำ50บาท

Share this post