ปลาแซลมอนถูกจัดเป็นปลาทะเลน้ำลึก เมื่อถึงฤดูวางไข่ พวกมันจะว่ายทวนกระแสน้ำเพื่อวางไข่ในน้ำจืดเพียงครั้งเดียวและ ตายจากไป ซึ่งเป็นวงจรชีวิตของปลาชนิดนี้ นี่ล่ะที่เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ปลาแซลมอนมีราคาที่ค่อนข้างแพง
นักวิจัยได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของปลาแซลมอน พบ ว่าในปลาแซลมอนนั้นมีโปรตีนสูงและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง คือ กรดโอเมก้า-3 และ ในกรดโอเมก้า-3 ประกอบไปด้วย Alpha-linolenic acid (ALA), Eicosapentainoic acid (EPA), Docosahexaenoic acid (DHA)
จากการที่ปลาแซลมอนมีโปรตีนสูง และโปรตีนนี่เองที่ช่วย ในการสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวในร่างกาย ผู้หญิงที่ขาด โปรตีนหรือบริโภคโปรตีนน้อย มักจะประสบปัญหาผมร่วง เล็บหัก เปราะง่าย ผิวแห้งกร้าน ผิวไม่เนียนเรียบ ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย
โปรตีนที่ได้จากปลาแซลมอนจึงเป็นโปรตีนที่ดีต่อผิวพรรณ ช่วย ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่สึกหรอ โดย ดร. เคิร์ท ดอนส์แบช (Kurt Donsbach) แห่งสถาบัน University School of Nutrition in California กล่าวเขวา โปรตีน เป็นตัวคืนความอ่อนวัยให้กลับคืนมา
นอกจากโปรตีนที่มีความสำคัญต่อผิวพรรณแล้ว กรด โอเมก้า-3 ในปลาแซลมอนยังช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น ลดอาการ ผื่นคันอักเสบของผิว คงความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ปรับสภาพผิวแห้ง เสียให้สุขภาพดี และรักษาผิวให้มีความเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล
ในอีกแง่มุมของกรดโอเมก้า-3 ยังมีประโยชน์ต่อด้านสุขภาพ บำรุงสมอง เพิ่มความจำ การเรียนรู้ ช่วยลดอาการโรคไขข้อกระดูก อักเสบ ช่วยลดความดันโลหิต ป้องกันโรคหัวใจ ในปัจจุบันมีผลงาน วิจัยบางชิ้นอ้างว่ากรดโอเมก้า-3 ช่วยลดเซลล์มะเร็งได้
การรับประทานปลาแซลมอน นิยมรับประทานตัวปลาทั้งทอด หรือนํามารับประทานสดๆ อย่างอาหารญี่ปุ่นจําพวกซาซิมิ หรือซูชิ ซึ่งยังถือว่ามีราคาค่อนข้างสูงในบ้านเรา
ถ้าอยากจะรับประทานปลาแซลมอนจริงๆ แนะนําให้เลือกซื้อแบบบรรจุในกระป๋องที่มีจำหน่าย ตามห้างสรรพสินค้า ราคาก็ไม่แพงมากนัก เอาไว้รับประทานกับ แซนด์วิช หรือปรุงเป็นอาหารแบบไทยๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ หรือ อีกทางเลือกหนึ่งคือรับประทานน้ํามันปลาแซลมอนที่บรรจุในแคปซูล
ผลจากการรับประทานปลาแซลมอนมาก ยังไม่มีรายงานว่ามีอันตราย